รถเครน 10 และ 25 ตัน กับงานก่อสร้างขนาดเล็ก: เลือกให้ถูกงาน คุ้มงบ และต่อยอดยุค AI
ภาพรวม: งานเล็กที่เหมาะกับ 10t/25t
งานก่อสร้างขนาดเล็ก เช่น ตั้งแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป ยกเหล็กเสริม ปรับวางท่อคอนกรีต ย้ายเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ หรือยกวัสดุขึ้นดาดฟ้า มักไม่ต้องใช้เครนขนาดใหญ่ เพียงเลือก “ขนาดที่พอดี” ให้สอดคล้องกับน้ำหนักชิ้นงาน รัศมีทำงานจริง ความสูงยก และพื้นที่ตั้งฐานก็เพียงพอ โดยทั่วไป 10 ตันเหมาะสำหรับโหลดเบาถึงปานกลางในระยะประชิด ส่วน25 ตันใช้เมื่อรัศมีไกลขึ้น โหลดหนักขึ้น หรืออยากเผื่อกำลังเพื่อรอบงานที่เสถียร
กุญแจคือ “เดินงานให้ไหล” มากกว่าตัวเลขกำลังสูงสุด เลือกขนาดเครนตามหน้างานจริง แล้วจัดจุดรับ‑ส่งให้รวบรัด

รถเครน 10 ตัน: จุดเด่น ข้อจำกัด และงานที่เหมาะ
จุดเด่น
- คล่องตัว เข้าซอย/ไซต์แคบได้ง่าย ตั้งฐานรวดเร็ว
- คุ้มค่าในงานที่น้ำหนักชิ้นงานไม่มาก และทำซ้ำหลายจุด
- เหมาะกับการลำเลียงวัสดุขึ้นชั้น 2–3 ของบ้าน/อาคารเตี้ย
งานที่เหมาะ
- ยกเหล็กเสริม/เหล็กท่อนขนาดเล็ก‑กลาง
- ยกเครื่องปรับอากาศ 2–3 ตัน‑ชั่วโมงพร้อมฐานรอง
- ยกแบบหล่อ/แบบประกอบพื้นที่จำกัด
- เคลื่อนย้ายวัสดุเข้าสู่โซนทำงานที่รถใหญ่เข้าไม่ถึง
ข้อจำกัด
- เมื่อรัศมีไกลหรือยกสูงขึ้น พิกัดจริงจะลดลงตามโหลดชาร์ต
- งานที่ต้องสวิงกว้างหรือยกติดต่อเนิ่นนาน อาจต้องขยับเป็น 25 ตันเพื่อรอบงานที่ไหลกว่า
ตัวอย่างเครนล้อยาง 25 ตันสำหรับงานก่อสร้างขนาดเล็ก
รถเครน 25 ตัน: เมื่อควรขยับสเปก
กรณีใช้งาน
- ยกแผ่นพื้น/คานสำเร็จรูปที่หนักขึ้น และ/หรืออยู่ไกลจากจุดตั้งเครน
- ยกเครื่องจักรหรือชิ้นงานที่ต้องการความนิ่งในการวางตำแหน่ง
- หน้างานที่ต้องยกซ้ำจำนวนรอบมาก ต้องการ “เผื่อกำลัง” เพื่อคุมความเร็วงาน
ข้อดีด้านรอบงาน
- บูมยาวขึ้นและรัศมีทำงานกว้างขึ้น ลดการขยับรถบ่อยครั้ง
- รับน้ำหนักชุดปลายบูม/อุปกรณ์ประกอบได้มากขึ้น ช่วยให้เลือกเครื่องมือยืดหยุ่น
เทียบให้ชัด: ตารางเปรียบเทียบ 10 vs 25 ตัน
| หัวข้อ | เครน 10 ตัน | เครน 25 ตัน |
|---|---|---|
| ความคล่องตัว/พื้นที่คับแคบ | โดดเด่นมาก | ดี แต่ต้องเผื่อพื้นที่ตั้งฐานเพิ่ม |
| งานยกซ้ำ โหลดเบา‑กลาง ระยะประชิด | คุ้มค่า | ทำได้ แต่ต้นทุนสูงกว่า |
| งานยกไกล/ยกสูง/ชิ้นงานหนักขึ้น | เริ่มจำกัด | เหมาะกว่า |
| ต้องการรอบงานเร็ว‑นิ่ง | พอได้ | เหนือกว่า |
| ความยืดหยุ่นในการเลือกอุปกรณ์ปลายบูม | พื้นฐาน | ยืดหยุ่นสูง |
จัดการพื้นที่ไซต์และการเข้าคิวรถโม่/รถบรรทุก
- จุดตั้งเครน: จัดพื้นที่ราบและวางตำแหน่งให้สวิงสั้นที่สุด ลดเวลายกไป‑กลับ
- ทางเข้า‑ออก: กำหนดทางเดินรถโม่/รถบรรทุกไม่ให้ตัดกับเส้นทางสวิง
- แผ่นรอง: เตรียมแผ่นรองให้เหมาะกับพื้น เพื่อความเสถียรและไม่ทำให้พื้นเสียหาย
หากพื้นที่จำกัดมาก สามารถปรึกษาทีมงานเพื่อสำรวจหน้างานและวางแผนจุดตั้ง‑ทิศทางสวิงล่วงหน้าได้ที่ ติดต่อเรา
คุม “รอบงาน” ให้ลื่นไหล
แนวคิด: รักษาเวลารอบ (รับ‑ยก‑วาง‑กลับ) ให้คงที่ แล้วเทียบกับอัตรามาถึงของรถโม่/รถบรรทุก จะช่วยลดการรอและเร่งงานให้เสร็จตามเป้า
คำนวณแบบย่อ: ผลผลิตต่อชั่วโมง ≈ ปริมาณต่อรอบ × 60 ÷ นาที/รอบ × ปัจจัยสูญเสีย (0.8–0.9)
- ลดระยะสวิงและจุดรอวัสดุให้สั้นลง
- วางตำแหน่งรถโม่/รถบรรทุกใกล้จุดรับ‑ส่ง เพื่อลด dead time
- ตั้งสัญญาณ/การสื่อสารระหว่างผู้ควบคุมและทีมงานให้ชัดเจน
FAQ
1) งานบ้านทั่วไปเลือก 10 ตันหรือ 25 ตันดี
ถ้าโหลดไม่มากและระยะประชิด 10 ตันคุ้มกว่า หากรัศมีไกลขึ้น/ชิ้นงานหนักขึ้น หรืออยากเผื่อกำลังรอบงานให้ลื่น ใช้ 25 ตัน
2) ถ้าพื้นไซต์นิ่มทำอย่างไร
เตรียมแผ่นรองให้เหมาะ ลดการทรุดและช่วยให้ตั้งฐานนิ่ง
3) ต้องเตรียมอะไรให้ทีมเครนก่อนวันงาน
น้ำหนักชิ้นงานโดยประมาณ ระยะจากจุดตั้งเครนถึงจุดวาง ความสูง และภาพถ่ายพื้นที่
4) ใช้บัคเก็ตเทคอนกรีตกับ 10/25 ตันได้ไหม
ได้ในงานเล็ก‑กลาง เลือกขนาดบัคเก็ตให้สอดคล้องกับรอบงานและพิกัดเครนที่รัศมีจริง
5) ถ้าต้องยกต่อเนื่องหลายชั่วโมง เลือกอะไร
25 ตันเหมาะกว่าเพราะเผื่อกำลังและสวิงได้กว้าง ลดการขยับรถบ่อย